จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562

ชายวัย 52 ปี เอาชนะ “มะเร็งระยะที่4” จนสื่อและผู้คนสงสัยกันมาก ? ในที่สุดเขาจึงต้องออกมาเผยว่า


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อปี 2013 ชายนักธุรกิจ หลี ไค ฟู่ วัย 52 ปี ประธานกรรมการโรงงานแห่งหนึ่งได้ประกาศกลับเข้าสู่ตำแหน่งอีกครั้ง หลังประกาศลาพักยาวเพื่อรักษาตัว เนื่องจากป่วยเป็น “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ระยะที่ 4” ทั้งที่ไม่อยากหยุดจากงานที่ทำเพราะนั้นเป็นงานที่เขารักมาก
และเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2015 หลี ไค ฟู่ หมอได้ออกมาประกาศว่า หลังการตรวจเช็คร่างกาย 2 ครั้งที่ผ่านมาล่าสุด “ไม่พบเนื้องอกในร่างกาย” ผมได้ฟื้นฟูสุขภาพเต็มที่ ผมกลับมาแข็งแรงและเนื้องอกก็หายไป

นายหลี ไค ฟู่ได้ออกมาเล่าว่า ในระหว่างที่ป่วยเป็นมะเร็งจนหายเป็นปกตินั้น มีัเพื่อนๆที่ทำงานและเพื่อนที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งมากมายมาถามว่า “ทำอย่างไรถึงหายจากโรคมะเร็ง? ต้องระวังเรื่องการกินอาหารชนิดใดบ้าง? และคำถามอื่นๆอีกมากมาย”
จนเขาเองออกมาตอบกลับผ่าน เว็บไซต์ Weibo โดยตั้งหัวข้อว่า “เมื่อเป็นมะเร็งจะต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง อย่างไร? ประสบการณ์ต้านมะเร็งขอผม”
ผมก็เหมือนผู้ป่วยโดยทั่วไป หลังจากที่รู้ว่าป่วยเป็นมะเร็ง ก็ต้องรีบทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและวิธีการรักษา ร่างกายต้องปรับตัวยังไงบ้าง? ทำอย่างไรจะทำให้ร่างกายแข็งแรงมากที่สุด……… ผมได้ดูหนังสือแนวนี้มากมาย และได้ปรึกษาหมอเฉพาะด้านมากมาย
1: สิ่งแรกที่ผมให้ความสำคัญมากคือ การนอน เพราะการนอนพักผ่อนนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยหลายคนพยายามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยการสูญเสียของร่างกาย แต่ผมให้คำมั่นสัญญากับตนเองว่า จะเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ โดยจะนอนให้เต็มที่ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังบอกว่า “การนอนหลับที่เพียงพอมีผลต่อการป้องกันหรือจำกัดการเติบโตของเนื้องอก” เวลานอนที่ดีที่สุดคือ 22.00 น. ระยะเวลาของการนอนที่เหมาะคือ 7-8 ชั่วโมง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อปี 2013 ชายนักธุรกิจ หลี ไค ฟู่ วัย 52 ปี ประธานกรรมการโรงงานแห่งหนึ่งได้ประกาศกลับเข้าสู่ตำแหน่งอีกครั้ง หลังประกาศลาพักยาวเพื่อรักษาตัว เนื่องจากป่วยเป็น “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ระยะที่ 4” ทั้งที่ไม่อยากหยุดจากงานที่ทำเพราะนั้นเป็นงานที่เขารักมาก
และเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2015 หลี ไค ฟู่ หมอได้ออกมาประกาศว่า หลังการตรวจเช็คร่างกาย 2 ครั้งที่ผ่านมาล่าสุด “ไม่พบเนื้องอกในร่างกาย” ผมได้ฟื้นฟูสุขภาพเต็มที่ ผมกลับมาแข็งแรงและเนื้องอกก็หายไป
นายหลี ไค ฟู่ได้ออกมาเล่าว่า ในระหว่างที่ป่วยเป็นมะเร็งจนหายเป็นปกตินั้น มีัเพื่อนๆที่ทำงานและเพื่อนที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งมากมายมาถามว่า “ทำอย่างไรถึงหายจากโรคมะเร็ง? ต้องระวังเรื่องการกินอาหารชนิดใดบ้าง? และคำถามอื่นๆอีกมากมาย”
จนเขาเองออกมาตอบกลับผ่าน เว็บไซต์ Weibo โดยตั้งหัวข้อว่า “เมื่อเป็นมะเร็งจะต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง อย่างไร? ประสบการณ์ต้านมะเร็งขอผม”
ผมก็เหมือนผู้ป่วยโดยทั่วไป หลังจากที่รู้ว่าป่วยเป็นมะเร็ง ก็ต้องรีบทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและวิธีการรักษา ร่างกายต้องปรับตัวยังไงบ้าง? ทำอย่างไรจะทำให้ร่างกายแข็งแรงมากที่สุด……… ผมได้ดูหนังสือแนวนี้มากมาย และได้ปรึกษาหมอเฉพาะด้านมากมาย
1: สิ่งแรกที่ผมให้ความสำคัญมากคือ การนอน เพราะการนอนพักผ่อนนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยหลายคนพยายามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยการสูญเสียของร่างกาย แต่ผมให้คำมั่นสัญญากับตนเองว่า จะเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ โดยจะนอนให้เต็มที่ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังบอกว่า “การนอนหลับที่เพียงพอมีผลต่อการป้องกันหรือจำกัดการเติบโตของเนื้องอก” เวลานอนที่ดีที่สุดคือ 22.00 น. ระยะเวลาของการนอนที่เหมาะคือ 7-8 ชั่วโมง
โดยนาย เฉิน เจียน หมิง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัย Fu Jen Catholic University ภาควิชาจิตวิทยา ของไต้หวัน ได้ให้หัวข้อว่า “แนะนำการนอนหลับให้กับคนทำงานที่วุ่นวาย” บทความนี้วิเคราะห์วิธีการต่างๆ
1.รักษานาฬิกาชีวภาพ โดยกำหนดเวลาพักผ่อน
2. ออกกำลังกายเป็นประจำ
3.ลดความสว่างก่อนเข้านอน พอตื่นนอนก็รับแสงแดดยามเช้า
4.ก่อนนอน 6 ชั่วโมง ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีสารกระตุ้น เช่น กาแฟ ฯลฯ
5. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยให้นอนหลับ
6.งดการใช้ยานอนหลับ
7. รักษาสถานการณ์การนอนหลับอย่างสบายทุกคืน
ตอนนี้ผมเข้านอนตอน 22.00 น.ดึกที่สุดไม่เกิน 23.00 น. นอนจนตื่นขึ้นมาเองทุกวัน ประมาณ 5.30 น.หรือ 6.30 น. ตอนกลางวันก็นอนพักผ่อนอีก 30 นาที แค่นี้ก็สามารถทำให้คุณเติบเต็มไปด้วยพลังงานตลอดทั้งวันแล้ว จะทำให้สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิมาก แต่หลายคนมีความต้องการในการนอนที่ไม่เหมือนกัน บางคนต้องการ 8-9 ชั่วโมง ทั้งนี้ต้องดูที่ร่างกายของแต่ละคน
การตอบคำถามข้างต้น การนอนหลับของคุณเพียงพอต่อความต้องการของตนเองหรือไม่ จะต้องมีความชัดเจน 5 เคล็ดลับการนอนหลับที่ดี:
1. ก่อนนอน ไม่ควรทำงานหนัก หรือ จัดเตรียมงานที่ต้องใช้เวลามาก
2. ตั้งเวลาหยุดการทำงาน การทำงานล่วงเวลา สู้นอนเช้าหน่อยเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพในวันรุ่งขึ้น
3. จดบันทึกเวลานอนหลับและตื่นนอนของทุกวัน เพื่อพัฒนานิสัยการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพ
4. อย่ารู้สึกเครียดเพราะนอนไม่หลับ ผ่อนคลายตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
5. คุณภาพของการนอนหลับมีความสำคัญมากกว่าเวลา ทำให้คุณอยู่ในโหมดความสบายมากที่สุด
2: การออกกำลังกายมีความสำคัญอย่างยิ่งการออกกำลังกายแอโรบิคเป็นสูตรสำหรับการส่งเสริมการทำลายเซลล์มะเร็ง
ไม่ว่าคุณจะบำบัดด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน,แพทย์แผนจีน หรือนักบำบัดธรรมชาติล้วนบอกว่า การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การออกกำลังกายไม่เพียง แต่สามารถส่งเสริมการเผาผลาญไขมันและบรรลุผลการลดน้ำหนัก แต่ยังช่วยทำให้เซลล์มะเร็งลดน้อยลงอีกด้วย เป็นนักฆ่าตามธรรมชาติที่ดีที่สุด
หลังจากที่ป่วยเป็นมะเร็งผมพยายามที่จะเดิน หากต้องไปยังสถานที่ห่างไกล ก็จะโดยสารรถไฟใต้ดินหรือรถแท็กซี่วิธีการนี้จะทำให้ผมมีโอกาสที่จะเดินมากยิ่งขึ้น
ผมเริ่มชินกับการออกกำลังกาย จนรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ ตอนนี้ผมเดินทีก็ 45 นาที โดยไม่รู้สึกลำบาก
เมื่อร่างกายขยับตัว น้ำก็เป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้ชีวิตชุ่มชื่น ผมขอแนะนำให้สัมผัสกับความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมนี้
ประสบการณ์ของฉัน:
1. ปีนเขา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างน้อยเมื่อปีนถึงครึ่งหนึ่ง มันก็จะทำให้สมองของคุณโล่งมาก และได้ผ่อนคลาย
2.การเล่นโยคะหรือการสะบัดมือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
3.หากสามารถเดินได้ก็เดินไป
4.หรือเลือกออกกำลังกายในแบบที่ชอบ
5. นวดร่างกาย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้เส้นเมอริเดียนของร่างกาย เปิดใช้งานของเลือดและลบชะงักงันในเลือด
3: อาหารควรจะสมดุล อาหารที่อร่อยจะไม่ดีต่อสุขภาพ อาหารที่ไม่อร่อยแต่ดีต่อสุขภาพ!
ในวันนั้นมีเพื่อนคนหนึ่ง พาผมไปดูวิธีการทำอาหารที่มีประโยชน์ มีซุปผลไม้สด และ ซุปเห็นหูหนู, ถั่วดำ,ข้าวเหนียวสีดำ,งาดำและน้ำตาลทรายแดง เหมาะมากสำหรับอาหารเช้า เพราะการดื่มซุปนี้ตอนเช้า ขณะที่ท้องว่างนั้นจะทำให้ร่างกายดูดซับไปใช้ประโยนช์ได้มากที่สุด
เมนูแรกคือ ซุปบล็อกโคลี่
ส่วนผสม : ผักบล็อกโคลี่ 15 กรัม, แครอท 50 กรัม, สับปะรด 200 กรัม,แอปเปิ้ล 1 ลูก , ผลไม้จำพวกเปลือกแข็ง มีเมล็ดด้านใน 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำต้มสุก 400 มล.
การปฏิบัติ: ใส่ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันลงในเครื่องปั่นประมาณ 45 วินาที ให้เสร็จสมบูรณ์ (ทำเสร็จจะได้ปริมาณ 900 มล. เพียงพอสำหรับ 2-3 คน)
เมนูที่สอง :ซุปพลังงานบลูเบอร์รี่+องุ่น
ส่วนผสม: กะหล่ำปลีสีม่วง 30 กรัม, บลูเบอร์รี่ 60 กรัม, แอปเปิ้ล 1ลูก , องุ่น 150 กรัม, ผลไม้จำพวกเปลือกแข็ง มีเมล็ดด้านใน 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำต้มสุก 400 มล.
การปฏิบัติ: ใส่ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันลงในเครื่องปั่นประมาณ 45 วินาที ให้เสร็จสมบูรณ์ (ทำเสร็จจะได้ปริมาณ 800 มล. เพียงพอสำหรับ 2-3 คน)
เมนูที่สาม: นมงาดำ แคลเซียมสูง
ส่วนผสม: ถั่วเหลืองนึ่ง 100 กรัม, ข้าวกล้อง 25 กรัม, งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ , น้ำร้อนประมาณ 300 มล.
การปฏิบัติ: ใส่ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันในเครื่องปั่นประมาณ 90 วินาที เมื่อให้เสร็จสมบูรณ์ (ทำเสร็จจะได้ปริมาณ 450 มล.เพียงพอสำหรับ 2 คน)
(เมนูนี้ผมชอบมากที่สุด)
เมนูที่สี่: ข้าวเมล็ดถั่วดำ
ส่วนผสม: ถั่วดำนึ่งสุก 100 กรัม, เมล็ดข้าว 25 กรัม, น้ำตาล คริสตัล 10 กรัม (ไม่เติมก็ได้), น้ำร้อนประมาณ 300 มล.
การปฏิบัติ: ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่นประมาณ 90 วินาทีเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ (เสร็จสิ้นจะได้ปริมาณ 450 มล.สำหรับ 2 ชุด)
4: ทัศนคติที่ดีและอารมณ์ขัน คือการรักษาที่มีประสิทธิภาพมาก!
หลายคนที่ทำงานกับผมคิดว่าผมเป็นคนเข้มงวดมาก เมื่อทำงานกับผมไประยะหนึ่งแล้ว จะรู้ว่าที่จริงผมเป็นคนมีอารมณ์ขันมาก
เพราะฉะนั้นเวลาที่ผมนอนป่วยอยู่บนเตียงหรือไม่ว่าอยู่ที่ไหน ผมก็จะไม่ลืมที่จะทำให้อารมณ์ดีอยู่เสมอ บางครั้งก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ เพราะบางเรื่องที่พบเจอ มันตลกมาก พยายามหาเรื่องที่ขำขันมาอ่านหรือดูบ้าง เพื่อผ่อนคลาย
สิ่งสำคัญหลายอย่างที่ทำให้ผมสามารถชนะโรคร้ายมาได้นั้น ก็คือคนรอบข้างที่ต้องเป็นกำลังใจและให้กำลังใจอยู่เสมอ
ขอบคุณที่มา : wittyhealthy

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น